บทความ
ร้านเล็กๆในเยอรมนี…กำลังจะไปกันไม่รอด ช่วงนี้ จะเห็นว่าร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของเล็กๆ ที่เคยเปิดอยู่ทุกวัน...ได้ติดป้าย "ปิดถาวร" เต็มไปหมด
เมื่อ : 30 พ.ย. 2568 ,
24 Views
คำถามคือ... ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?
ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่สู้นะครับ
แต่เพราะโลกของมันเปลี่ยนเร็วเกินไปครับ
เร็วเกินกว่าที่ร้านเล็กๆเหล่านั้นจะตั้งตัวทันครับ
ผมเลยจะลองมาเล่ามุมมองทางเศรษฐกิจให้ฟังกันบ้างครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจเล็กๆ ในเยอรมนีช่วงนี้
แล้ว รัฐบาลทำอะไรอยู่? แล้วทางรอดล่ะมันมีมั้ย?
เหตุผลหลักที่ทำให้ร้านเล็กๆไปไม่รอดกัน !ลองนึกภาพตามดูนะครับ...
สมมุติว่าผมเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตามชนบทของเยอรมนี ร้านนี้เปิดมา 4 ปี มีลูกค้าขาประจำ เดินผ่านก็แวะซื้อกาแฟ พูดคุยกันเหมือนบ้านหลังที่สองเลยทีเดียว
แต่แล้ว… ทุกอย่างมันเริ่มเปลี่ยนครับ
ต้นทุนพุ่ง แต่ลูกค้ามีเท่าเดิม (หรือน้อยลงด้วยซ้ำ)เมื่อก่อนจ่ายค่าไฟเดือนละ 300 ยูโร เดี๋ยวนี้ขึ้นมา 500 ยูโร นมสดจากโรงงานก็ขึ้นราคา แก้วกระดาษก็แพงขึ้นด้วย ที่แย่คือ... ลูกค้าหลายคนเริ่ม
“ลดกาแฟ” เหลือแค่อาทิตย์ละแก้ว
เพราะเขาเองก็ต้องประหยัดของเขาด้วยเหมือนกัน
แรงงานหายาก จ้างใครก็ไม่ค่อยจะอยากอยู่ลูกจ้างเดิมเรียนจบแล้วไปทำงานบริษัทใหญ่ๆกันหมด
อยากจ้างคนใหม่ก็ต้องจ่ายตามค่าแรงขั้นต่ำ (หรือสูงกว่านั้น) แต่ร้านเล็กๆที่ยอดขายตก จะเอาเงินที่ไหนมาจ้าง? สุดท้ายเจ้าของก็ต้องยืนทำเอง 6 วันติด พักแค่วันอาทิตย์
ระบบเอกสารมันคือฝันร้ายของร้านเล็กๆโดยแท้ทุกไตรมาสต้องส่งบัญชี, ต้องเข้าใจภาษี ,
ต้องทำรายงานเรื่องสุขอนามัย แถมหลายอย่างทำออนไลน์ไม่ได้ ถึงแม้จะทำได้เยอะกว่าเมื่อก่อนก็เถอะนะครับ ต้องพิมพ์ ส่งจดหมาย หรือใช้ระบบราชการที่ล่าช้าที่ทุกๆคนก็รู้
ร้านเล็กๆที่ไม่มีนักบัญชี-ไม่มีเลขา ต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ทุกเดือน
ไม่มีใครอยากสืบทอดกิจการร้านเล็กจำนวนมากเป็นของคนรุ่นพ่อแม่ ที่รักในการทำขนม ขายของ ทำอาหาร แต่ลูกๆ หลายคนเลือกไปทำงานสายอาชีพที่มั่นคง ไม่อยากทนเหนื่อยกับรายได้น้อย พอไม่มีใครสืบทอด เจ้าของก็ต้องตัดใจ... ปิด ไปตามๆกันครับ
ทั้งหมดนี้... ไม่ใช่เพราะร้านเหล่านี้ไม่ดี
แต่เพราะระบบมันไม่ได้ออกแบบมาให้ “ร้านเล็กอยู่ได้ในระยะยาว”
สุดท้าย... หลายร้านจึงค่อยๆ หายไปจากถนน
เหมือนแสงเทียนที่ดับไปอย่างช้าๆ เงียบๆ นั่นเองครับ
แล้วรัฐบาลล่ะได้มีการมาช่วยอะไรมั้ย?คำตอบคือ… ช่วยอยู่ครับ แต่เหมือนช่วย “จากไกล ๆ” มากกว่า
มีมาตรการช่วยเหลือแนวๆนี้ครับ- ลดภาระเอกสารราชการ
- สนับสนุนให้เปิดธุรกิจใหม่
- ส่งเสริมธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- มีเงินทุนสนับสนุนผ่านธนาคารของรัฐ เช่น KfW
แต่!!
ส่วนใหญ่ “ต้องไปขอเอง กรอกเอง รู้ช่องทางเอง”
ถ้าคนเฒ่าคนแก่ไม่ได้เชี่ยวเรื่องเอกสาร หรือไม่มีที่ปรึกษา
ก็อาจไม่รู้ว่าต้องขออะไร จากที่ไหน ยังไงนั่นเองครับ
แถมเงินสนับสนุนก็ไม่ได้ “ตกถึงร้านเล็กๆ ทุกเจ้า” นะครับ
บางโครงการมีเงื่อนไขเยอะ ต้องรอ ต้องผ่านขั้นตอน ต้องมีใบโน่นนี่
บางคนรอจนร้านปิดไปก่อน จะได้เงินช่วยซะอีกครับ 

นอกจากนี้… ปัญหาหลักอย่าง ...“ค่าแรงแพง หาคนทำงานไม่ได้ ระบบราชการยุ่งยาก”
ยังไม่มีนโยบายที่ลงมาเร็วและตรงจุดพอครับ
หลายร้านเลยรู้สึกว่า "เราอยู่กันลำพังนะ…"
สุดท้ายนี้...ผมอยากบอกพี่น้องคนไทยในเยอรมันที่กำลังลุยเปิดร้านอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารไทย ร้านนวดแผนไทย ร้านขายของชำเล็กๆ หรือคาเฟ่เล็กๆ ในเมืองน้อยใหญ่
ขอบคุณที่ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้
แม้เศรษฐกิจจะโหด กฎจะเยอะ ลูกค้าจะน้อย
แต่พี่น้องยังลุกขึ้นมาสู้ทุกวัน
ผมเห็นและขอชื่นชมจากใจครับ 

เพราะการเป็น “คนตัวเล็กในระบบที่ใหญ่”
มันไม่ง่ายเลย แต่พี่น้องกำลังทำสิ่งที่มีคุณค่ามาก
รักษาความฝัน ความกล้า และรอยยิ้มของคนในชุมชน ให้ยังอยู่ต่อไป
ขอให้ร้านเล็กของพี่น้องโตได้แบบช้าแต่มั่นคง
เหนื่อยน้อยลงในแต่ละวัน
และได้ลูกค้าดีๆ แบบปังๆ เข้ามาไม่ขาดกันนะครับ